ปัจจุบันอุตสาหกรรมการผลิตมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หลายประเทศพยายามเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก หน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานของเราก็เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน
มีการคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศอาเซียนจะต้องเผชิญกับปัญหาการใช้แรงงานหนักจากการพึ่งพากระบวนการแบบใช้เอกสารขั้นตอนการทำงานมากเกินไป นอกจากนี้ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังสร้างปัญหาให้กับวงจรห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและพนักงานที่ต้องปฏิบัติงานหน้างานด้วย
ในการตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ๆ เหล่านี้ หลากหลายธุรกิจ ต่างตระหนักดีถึงความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดและนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจโรงงานการผลิต
โซลูชันอัจฉริยะที่อาศัยการผสมผสานรวมของเซ็นเซอร์ IoT ปัญญาประดิษฐ์ และการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถช่วยผู้ผลิตเพิ่มความคล่องตัวในการทำให้กระบวนการการทำงานกลายเป็นแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน โซลูชันการจัดการระยะไกลช่วยให้หลายบริษัท สามารถจัดการโรงงานของตนจากระยะไกลได้ นอกจากนี้ยังเป็นการแบ่งปันการใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันกับโรงงานในสาขาอื่นๆด้วย อีกทั้งช่วยบริหารการจัดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเพิ่มความสะดวกสบายในการปฏิบัติงานของผู้ผลิตด้วย ทั้งนี้โซลูชันการจัดการระยะไกลยังเป็นการตอบโจทย์สำหรับความท้าทายใหม่ๆ ที่ควรนำมาประยุกต์ใช้กับข้อจำกัดมากมายจากการเกิดโรคระบาดในครั้งนี้ เช่น การห้ามเดินทาง การปิดประเทศ และข้อจำกัดการเว้นระยะห่างอย่างปลอดภัย
ผลประโยชน์เหล่านี้จะส่งผ่านไปสู่พนักงานในสถานที่ปฏิบัติงานด้วยการช่วยลด ปริมาณงานลงอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้ลดชั่วโมงการทำงานและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้น
รับชมภาพยนตร์สั้นเรื่อง Supper ที่สร้างโดยกลุ่มการสื่อสารองค์กร ของ Hitachi Asia Ltd. (HAS) เพื่อแสดงผลกระทบเชิงบวกที่โซลูชันอัจฉริยะตามที่กล่าวไปข้างต้นมีต่อสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปลี่ยนกระบวนการแบบใช้เอกสารขั้นตอนการทำงานเป็นกระบวนการแบบอัตโนมัติ: